18 ปัญหาระบบบริการเด็กสมาธิสั้น

คิวรอพบจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นในโรงพยาบาลใด ๆ ที่มีจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นทำงานอยู่มีระยะเวลายาวนานมาก มีคำบอกเล่าจากพ่อแม่เด็กที่มาหาผมว่าโรงพยาบาล (ออกนาม) นาน 8 เดือน โรงหนึ่งในกรุงเทพฯ (ออกนาม) นาน 12 เดือน ผมไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นประการใด หากมีการสำรวจเชิงระบบก็จะดีไม่น้อย

ข้อสังเกตข้อที่สองคือโรงเรียนต่าง ๆ มีการตรวจวัดไอคิวเด็กและตรวจค้นเด็กพิเศษสองกลุ่มคือเด็กสมาธิสั้นและเด็กแอลดีแล้วแต่ศักยภาพของแต่ละโรงเรียน ที่ผมไม่ทราบคือโรงเรียนใช้เครื่องมืออะไรของใครในการตรวจค้น มีความสามารถจะใช้เครื่องมือนั้นมากน้อยเพียงใด (กรุณาอย่าตอบว่าผ่านการอบรมแล้ว) หลังจากตรวจแล้วจะมีบางโรงเรียนส่งเด็กที่ถูกคัดแยกแล้วมารับการรักษาที่โรงพยาบาลซึ่งแม้จะมีประโยชน์แต่ทุกครั้งก็เป็นการตีตราเด็กด้วย ที่ชวนไม่สบายใจมากกว่าคือครูจำนวนหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นจำนวนมากมักคัดเด็กที่เรียนไม่เก่งและเด็กดื้อมาโรงพยาบาลอีกด้วย

ข้อสังเกตข้อที่สามคือเด็กซนมากบางคนเป็นพ่อแม่พามาเองแต่พ่อแม่พามาเพราะแรงกดดันจากครูและผู้ปกครองคนอื่นมากกว่าที่จะพามาเพราะเห็นว่าเด็กผิดปกติ อย่างไรก็ตามมีพ่อแม่ที่พามาเองเพราะเห็นว่าเด็กซนมากผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ด้วยคำแนะนำจากครูหรือรายการสุขภาพใด ๆ ว่าสงสัยจะเป็นสมาธิสั้นให้พามาตรวจ

ข้อสังเกตข้อที่สี่คือเด็กที่ได้พบแพทย์เกือบทั้งหมดลงเอยด้วยการได้ยารักษาโรคสมาธิสั้นคือ Methyphenidate หรือยารุ่นใหม่ ๆ ราคาแพงขึ้นที่เริ่มหลั่งไหลเข้ามาตามการตลาดยารักษาสมาธิสั้นซึ่งเป็นปัญหาทั่วโลกทั้งในทวีปอเมริกาและยุโรป มีรายงานว่าเด็กเอเซียกำลังแซงหน้าเด็กอเมริกันและยุโรปอีกด้วย ทั้งหมดนี้เป็นแนวโน้มทั่วโลก ปัญหามิได้มีเฉพาะประเทศไทย

ในทางวิชาการมีวิวาทะเรื่องเด็กสมาธิสั้นมีจริงหรือไม่และยารักษาเด็กสมาธิสั้นมีประโยชน์จริงหรือเปล่ามากมายทั้งที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์และที่ปรากฏในวารสารออนไลน์ นักวิชาการ (ซึ่งไม่ควรมีเฉพาะแพทย์) ที่สนใจสามารถสืบค้นและทบทวนทุกวิวาทะอย่างเป็นระบบได้ไม่ยาก

ผมเชื่อว่าโลกนี้มีเด็กบางคนเป็นเด็กสมาธิสั้นตัวจริง ต้องใช้ยาและได้ประโยชน์จากยาแน่นอน แต่ไม่มีมากอย่างที่เห็นเช่นเดียวกับโรคที่เป็นปัญหาอื่น ๆ ว่ามีจริงหรือไม่และควรรักษาหรือไม่อีกหลายโรค เด็กซนมากและเด็กซนซึ่งไม่สามารถ “conform” กับห้องเรียน โรงเรียน และผลการเรียนถูกคัดแยก ตีตราและกวาดต้อนให้มาเป็นผู้ป่วยต้องกินยาเสียมาก เรื่องนี้หากเกิดแก่ลูกหลานใครก็จะรู้สึกได้ว่าไม่สมควร

ประเทศไทยควรมีระบบจัดการเด็กซนมาก เด็กซน และเด็กสมาธิสั้นตัวจริงได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ และเป็นเช่นเดียวกับหลาย ๆ เรื่องนั่นคือคำตอบอยู่ที่ชุมชนและ รพสต.

มิใช่ให้ รพสต. และชุมชนคัดกรองหรือคัดแยกเด็ก แต่ให้ รพสต.เป็นผู้นำในการจัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องวิธีจัดการเด็กซนมากและเด็กซนในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอย่างทั่วถึง ด้วยการจัดกระบวนการที่ดี เป็นจริง อย่างมืออาชีพ ร่วมกับการสังเคราะห์ความรู้ที่แฝงอยู่ในส่วนท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ ด้วยความร่วมมือด้านวิชาการจากจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นร่วมกับกรมสุขภาพจิตเราจึงจะได้ความรู้ที่เหมาะแก่การจัดการเด็กซนมาก เด็กซน และเด็กสมาธิสั้นที่ใช้ได้กับประเทศไทย

หากเราเริ่มจากการทำความกระจ่างต่อข้อสังเกตที่เสนอข้างต้นอย่างมีวิชาการ และจัดกระบวนการอย่างมืออาชีพ เด็กซนมาก เด็กซนน่าจะอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ (ซึ่งมีเรื่องราวแตกต่างกันด้วยกันหมดทั้งสิ้นเป็นธรรมดา) ได้ และเด็กสมาธิสั้นตัวจริงเท่านั้นที่สมควรได้รับยาซึ่งก็จะเป็นการใช้งบประมาณด้านยาที่ถูกเรื่องถูกราวกว่าเดิมเป็นอันมาก

สำหรับโรงเรียน เด็กซนย่อมเรียนหนังสือนิ่ง ๆ ได้ยาก แต่เด็กซนสามารถทำงานชิ้นเล็ก ๆ ที่เพื่อนในกลุ่มมอบหมายให้ทำสำเร็จได้ ความสำเร็จนำมาซึ่งความภูมิใจ ความภูมิใจนำมาซึ่งพัฒนาการ พัฒนาการนำมาซึ่งความสามารถอย่างอื่น ๆ หากเขามิใช่เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นตัวจริง เขาจะควบคุมตนเองให้มีสมาธิทำอะไรต่อมิอะไรได้ดีขึ้นเรื่อย ๆในที่สุด

โดยไม่ถูกตีตราหรือต้องกินยาตลอดชีวิต