Skip to content
อย่าลืมเรื่อง “ความรู้สึก”
เมื่อ 8 ปีที่แล้วผมรู้สึกหมดไฟ ในฐานะครูที่ Gunn High School ใน Palo Alto รัฐแคลิฟอร์เนีย ผมได้สอนคณิตศาสตร์ก่อนแล้วจึงย้ายไปสอนพีชคณิต เศรษฐศาสตร์ และประวัติศาสตร์ ผมเหนื่อยกับงานที่ต้องวางแผนการสอน สร้างการประเมินผล และเกรด ท้อแท้กับความหลงใหลในการทำคะแนนมากกว่าที่จะเรียนรู้ของนักเรียน การที่ต้องคุยกับผู้ปกครองเรื่องสาเหตุที่ลูกๆ ของเขาได้ B + แทนที่จะเป็น A – ทำให้ผมบ้า ผมลืมเหตุผลที่แท้จริงที่มาเป็นครู แต่ในเดือนพฤษภาคมปี 2009 ผมถูกโทรปลุกแต่เช้า และรีบมาประชุมฉุกเฉินที่โรงเรียน เพราะหนึ่งในนักเรียนของผม “ฆ่าตัวตาย”
ผมตกใจและเสียใจมาก ขณะที่ผมนั่งอยู่ที่แถวแรกในงานศพของนักเรียนผู้ล่วงลับ โลกภายในของผมเปลี่ยนไป ผมสงสัยว่าถ้าผมบอกกับตัวเองว่า “เราอยู่ในโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จและน่าอัศจรรย์ และนักเรียนของผมทุกคนมีอนาคตที่สดใส ชีวิตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร?” มันทำให้ผมมีเป้าหมายใหม่ ผมรู้ว่ามีบางอย่างที่จำเป็นต้องเปลี่ยน ถ้าฉันยังคงเป็นครูก็ไม่มีอะไรจะมาขัดขวางการสร้างอนาคตของนักเรียนได้
ผมตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะหาทางเชื่อมต่อกับนักเรียนอย่างถูกต้องและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพวกเขา ผมจะไม่กังวลเรื่องมาตรฐานการศึกษา เนื้อหา หรือคะแนนจนกว่าผมจะมั่นใจว่าพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และให้พวกเขามีทักษะมากพอในการรับมือกับคลื่นแห่งชีวิต ผมสร้างหลักสูตรเกี่ยวกับจิตวิทยาเชิงบวก และการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีค่าสำหรับเยาวชน หลักสูตรมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างพลังอำนาจส่วนบุคคล ผมสอนนักเรียนว่าสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักถึงคืออารมณ์ของเรา เราไม่จำเป็นต้อง “เห็นด้วย” กับความคิดตำหนิตัวเองของเรา แต่จงฟังและเห็นอกเห็นใจเสียงเหล่านั้น นั่นเป็นหัวใจสำคัญของการมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
ในปีแรกของหลักสูตรมีนักเรียนลงทะเบียน 107 คน ปีแล้วปีเล่า ผมเห็นนักเรียนหลายร้อยคนที่เดินผ่านห้องเรียนของผมเปลี่ยนพฤติกรรมและความคิด พวกเขาพร้อมที่จะไปต่อในโรงเรียนแห่งนี้ ความฉลาดทางอารมณ์เป็นปัจจัยของความสำเร็จในอนาคต นักเรียนและครูที่มีความสุขมีแนวโน้มที่จะเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งครูมีความสุขความสนุกสนานของนักเรียนและเพื่อนร่วมงานก็จะมากขึ้นด้วยเช่นกัน มีการศึกษาของ Harvard University กล่าวว่า ความสัมพันธ์เป็นตัวบ่งชี้ความสุขและการมีอายุยืน ดังนั้น วิธีการสร้างความสุขก่อนที่คุณจะเริ่มการสอนให้หายใจลึกๆ 3 ครั้ง ขณะที่นักเรียนเข้าห้อง ให้ทักทายด้วยความอบอุ่น สบตาพวกเขาและส่งความคิดที่ดีให้เงียบๆ ใช้เวลาสักครู่คิดถึงสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณในวันนี้และลิ้มรสความรู้สึกนั้น ให้คำชมเชยแก่เพื่อนร่วมงาน พานักเรียนทำกิจกรรม อย่างเช่นการเล่นเกม “Pass the Sound” ที่ให้นักเรียนยืนเป็นวงกลม บอกนักเรียนคนแรกให้ตบมือแล้วคนต่อไปก็ตบมือเรียงต่อกันไปเรื่อยๆ จนรอบวง เป้าหมายคือ “ผ่านเกมตบมือไปให้ได้”
ภายในเวลาที่กำหนด ถ้าล้มเหลวให้ฉลองความล้มเหลวด้วยการตะโกนพร้อมกันว่า “วู้ฮู้ว!” แล้วยกมือขึ้นไปในอากาศ หากทำสำเร็จให้เพิ่มความท้าทาย โดยการลดจำนวนวินาที ปลูกฝังทัศนคติขี้เล่น เชียร์พวกเขา และบอกพวกเขาว่าคุณเชื่อในพวกเขาแม้ว่าเราจะล้มเหลว อย่าลืมดูแลตนเอง เมื่อผมถามพวกคุณครูว่าพวกเขาทำอะไรเพื่อดูแลตัวเอง พวกเขามักจะหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ใครมีเวลาบ้าง” แต่ถ้าคุณไม่ได้เรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองก่อน มันอาจจะส่งผลกระทบต่อนักเรียนของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ ลองออกไปเดินข้างนอก ชื่นชมต้นไม้ หรืออาบน้ำนานขึ้นเล็กน้อยเพื่อทำวันที่มีความสุขให้ตัวเอง สุดท้ายอย่าลืมทบทวนเป้าหมายของตัวเอง การพัฒนาวิชาชีพและการเติบโตของคุณควรมีความหมาย ใช้เวลาในการระบุเป้าหมายส่วนตัวหรือเป้าหมายทางอาชีพและแบ่งมันออกเป็นขั้นตอนเพื่อลงมือทำ สิ่งสำคัญคือโฟกัสเรื่องความรู้สึก
Ronen Habib เป็นครูที่ Gunn High School ในพาโลอัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เขาเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียน EQ ซึ่งให้การฝึกอบรมด้านอารมณ์และสติปัญญาแก่ครู นักเรียน และผู้ปกครองในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ