[เรียนโลก]
เวียดนามเห็นความสำคัญของการเรียนการสอนเพศศึกษา
ที่มา http://m.english.vietnamnet.vn
ข่าวการท้องของเด็กเวียดนามชั้นม.1 ที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองท้องจนกระทั่งคลอดนั้น สะท้อนให้เห็นถึงการขาดความรู้เรื่องเพศศึกษาของเวียดนาม เนื่องจากนักเรียนเวียดนามจะเริ่มเรียนเรื่องความแตกต่างทางเพศครั้งแรกในวิชาวิทยาศาสตร์ชั้นป.5 ซึ่งถือว่าช้าไปสำหรับเด็กวัยรุ่นที่โตไว
Thuy Linh ครูชีววิทยาในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งที่กรุงฮานอย เชื่อว่าความรู้เรื่องเพศศึกษา โดยเฉพาะวิธีป้องกันการตั้งครรภ์และการคุมกำเนิดสำคัญเท่ากับวิชาอื่นๆ ในโรงเรียน เพราะมันช่วยลดความเสี่ยงได้
เมื่อ 5 ปีก่อน เรื่องเพศอาจเป็นสิ่งที่ทั้งครูและนักเรียนพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดคุย แต่ในปัจจุบันจำเป็นที่จะต้องกล้าและเริ่มเรียนเรื่องเพศกันมากขึ้น ศาสตราจารย์หลายท่านจากมหาวิทยาลัยฮานอยเองก็มีความเห็นว่า จริงๆ แล้วการสอนเรื่องเพศศึกษาควรเริ่มต้นตั้งแต่เด็กอายุ 3 ขวบ
ไม้เรียวยังจำเป็นอยู่ใหม่ในการศึกษาสมัยใหม่
ที่มา http://m.english.vietnamnet.vn/
ครูชั้นประถมในเวียดนามประสบปัญหาการจัดการกับเด็กซนในชั้นเรียน เมื่อการศึกษาสมัยใหม่ไม่ให้ใช้ความรุนแรงลงโทษเด็ก Phuong หนึ่งในครูประถมเล่าว่าเพื่อนร่วมงานของเธอเจ็บคอเรื้อรังเพราะต้องเสียงดังแข่งกับนักเรียน จริงๆแล้วการลงโทษด้วยการตีทำให้เด็กได้เรียนรู้และสงบลง
.
แต่วิธีนั้นถูกกล่าวหาว่าละเมิดจริยธรรมวิชาชีพ ซึ่งครูจะถูกตำหนิหรือไล่ออก อย่างกรณีของครู H ที่โรงเรียนมัธยม Thu Thiem ในเมืองโฮจิมินห์ ที่ใช้แท่งพลาสติกตีก้นนักเรียนที่ไม่ตั้งใจเรียนก็ถูกตำหนิโดยฝ่ายการศึกษา ทั้งๆ ที่นักเรียนของครู H หลายคนประสบความสำเร็จจากการสอนในรูปแบบนั้น
.
Phan Tuyet ครูโรงเรียนประถมอีกคนหนึ่งเล่าว่า เขาก็เคยลงโทษเด็กโดยการตี ทำให้รู้สึกผิดและกังวล แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเขาได้รับคำชมจากผู้ปกครองแทนเนื่องจากเด็กเชื่อฟังมากขึ้น
.
ทั้งนี้ การลงโทษดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีที่ยังใช้ได้ผลอยู่ แต่ต้องทำอย่างมีวัตถุประสงค์ที่เหมาะสมและเด็กรับรู้ได้เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ อีกทั้งต้องไม่เป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินความพอดีจนเป็นอันตรายต่อร่ากายและจิตใจของเด็ก
ครูเวียดนามผู้ออกนอกเส้นทางเพื่อนักเรียนของเขา
ที่มา http://m.english.vietnamnet.vn/
Ninh Van Dau ครูอายุ 36 ปี ปั่นจักรยานกว่า 20 กิโล ไปบนทางขรุขระเพื่อตามหา “นักเรียนเกรด 12” ที่หายไป Ksor Gôl ลาออกจากโรงเรียนเพราะปัญหาการเงิน ระยะทางไปโรงเรียนไกลมากและที่บ้านต้องการให้ Gôl ช่วยทำงานในไร่ นั่นทำให้ครู Dau “หัวใจว้าวุ่น” เพราะครูรู้ดีว่าการศึกษาสำคัญต่ออนาคตของนักเรียนของเขาอย่างไร
ครูโพสต์เรื่องราวนี้ใน Facebook ทำให้มีผู้สนับสนุนการเงินแก่ Gôl จนสุดท้ายเขาได้กลับเข้าเรียน แต่นี่ไม่ใช่นักเรียนคนแรกที่ครู Dau ไปเยี่ยมบ้านเพื่อชักชวนให้พ่อแม่ส่งลูกๆ กลับไปเรียน ครู Dau ช่วยติดต่อหาทุนการศึกษาให้นักเรียนหลายคน และเขารับเด็กที่มีชีวิตยากลำบากเป็นลูกบุญธรรมอีก 4 คน
แม้ครูไม่สามารถให้การสนับสนุนทางการเงินได้ทั้งหมด แต่ก็ได้ให้การสนับสนุนทางศีลธรรมเพื่อให้พวกเขามีความกล้าหาญและเอาชนะความยากลำบากในชีวิต ปัจจุบัน Dau เป็นครูมา 10 ปีแล้ว และเขากล่าวว่า
“ฉันไม่อยากไปจากที่นี่ เพราะนักเรียนหลายคนมีชีวิตยากลำบาก ถ้าฉันออกไป ใครจะช่วยพวกเขา”