โรงเรียนที่ใช่
แปลจาก http://www.nytimes.com/2016/11/06/opinion/sunday/schools-that-work.html?_r=1
ที่มา : http://www.nytimes.com
เมื่อต้องอ่านออกเสียงพร้อมกันในชั้นเรียน เธอสับสนและตามเพื่อนไม่ทัน “อลันนา คลาร์ก” มีความบกพร่องทางการอ่านเช่นเดียวกับพี่สาว พี่สาวของเธอถูกโรงเรียนผลักเข้าวิทยาลัยจนล้มเหลวทางการเรียน ด้วยกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำลอย แม่ของอลันนาจึงส่งเธอไปชิงสลากที่ช่วยให้ไปเรียนไกลบ้าน อลันนาชนะรางวัล และวันนี้เธอคือนักเรียนเกรด 10 ของโรงเรียนทางเลือกในกำกับรัฐบาลที่บอสตัน ชื่อว่า “Match”
โรงเรียนทางเลือกในกำกับรัฐบาลนั้นทำงานนอกระบบ จึงเกิดข้อถกเถียงทางหลักสูตร แต่กระนั้นนักวิทยาศาสตร์สังคมก็ได้ทำการวิเคราะห์ผลการศึกษาในโรงเรียนลักษณะนี้ และมีอยู่แห่งหนึ่งที่ผลลัพธ์น่าประทับใจ – ฮันนาห์ ลากิน ผู้บริหารของโรงเรียนทางเลือก “Match” เชื่อเรื่อง “เมื่อความคาดหวังสูง การสนับสนุนยิ่งต้องสูง” ครูในโรงเรียนอุทิศตัวเพื่อการเรียนการสอน ครูจะตั้งมาตรฐานสูงให้เด็กและปลูกฝังความเชื่อมั่นให้พวกเขา
โดยการประชุมผลสังเกตการณ์ในชั้นเรียนทุกสัปดาห์ นักเรียนที่นี่เรียนการอ่านและคณิตศาสตร์ได้เร็วกว่าที่อื่น ทำการทดสอบ A.P. ได้ดี คะแนน SAT ของพวกเขาสูงกว่านักเรียนในระดับชั้นเดียวกันจากที่อื่นๆ
ค่าเฉลี่ยคะแนน SAT ทางคณิตศาสตร์สูงกว่านักเรียน 4 ปีในวิทยาลัยถึง 51 จุดและคาดว่าผลคะแนนจะไม่ลดลง ผลการเรียนนี้ทำให้นักเรียนที่มีรายได้ต่ำในโรงเรียนมีคะแนนสอบเทียบเท่าโรงเรียนชนชั้นกลาง กลุ่มนักเรียนอย่างเด็กแอฟริกัน-อเมริกัน ลาติน การศึกษาพิเศษ และเด็กอย่างอลันนาได้รับผลประโยชน์เต็มๆ ดังนั้น โรงเรียนทางเลือกในรัฐอื่นๆ ก็ควรสร้างผลลัพธ์เดียวกันให้ได้ และแนวคิด “เมื่อความคาดหวังสูง การสนับสนุนยิ่งต้องสูง” ควรถูกแพร่ขยายมากขึ้น
แล้วเหตุใดจึงไม่มีการสร้างโรงเรียนเหล่านี้เพิ่มขึ้น? คำตอบก็คือ
“เพราะนโยบายทางการศึกษายุ่งเหยิง”
ประการแรก ไม่มีโรงเรียนไหนสามารถเยียวยาความยากจนของตัวเองได้
ประการสอง หลายคนยังกังวลว่าโรงเรียนทางเลือกจะสร้างความเสียหายให้ระบบโรงเรียนสาธารณะที่เหลือ
แต่ข่าวดีคือ ผลการศึกษาพบว่า โรงเรียนทางเลือกไม่ได้ส่งผลกระทบกับโรงเรียนอื่นๆ แถมยังช่วยพัฒนาโรงเรียนอื่นๆ ผ่านการแข่งขันอีกด้วย และสุดท้าย ไม่ว่าโรงเรียนทางเลือกจะสำเร็จอย่างไร ก็ยังมีบางคนในระบบดั้งเดิมรู้สึกอึกอัดอยู่ดี
ความเคลื่อนไหวนี้เห็นได้ชัดที่แมสซาชูเซตส์ ทางรัฐจะมีการโหวตเพื่อทำการขยายโรงเรียนทางเลือก ซึ่งมันจะช่วยปรับปรุงชีวิตเด็กกว่า 30,000 คนที่ไม่ชนะรางวัลสลาก แต่ประชาชนและคณะกรรมการโรงเรียนจำนวนมาก ตลอดจนสหภาพครูทั่วรัฐต่อต้านการโหวตนี้
ซูซาน ไดนาสกี หนึ่งในนักวิจัยที่ศึกษาโรงเรียนทางเลือกที่บอสตันเห็นด้วยกับการโหวตเพื่ออนุมัติการขยายโรงเรียนทางเลือก เธอกล่าวว่า “ถ้าหน้าที่หลักของโรงเรียนคือการหางานให้คน การขยายตัวของโรงเรียนทางเลือกก็ไม่จำเป็น แต่โรงเรียนมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น สำหรับฉันแล้วมันผิดศีลธรรมที่จะปฏิเสธการศึกษาที่ดีกว่าให้แก่เด็ก เพราะผู้โหวตบางคนไม่ได้สัมผัสแนวคิดของโรงเรียนทางเลือกที่แท้จริง เด็กไม่ได้อยู่กับเราไปตลอด พวกเขาต้องการการศึกษาที่ดีเดี๋ยวนี้”