[เรียนจากโลก] ศิลปะกับการเรียนรู้

เรื่องราวของการเรียนรู้จากทั่วโลก โดยบทความนี้เรานำเรื่องราวของการนำศิลปะมาผสมผสานกับการเรียนการสอนแล้วแก้ปัญหาการเรียนรู้อย่างไร

http://www.pbs.org/newshour/bb/struggling-schools-benefit-adding-art-learning/

ประโยชน์ของศิลปะเพื่อการเรียนรู้ของโรงเรียนประสิทธิภาพต่ำ

เมื่อโรงเรียนประสิทธิภาพต่ำแห่งหนึ่งในหลุยส์เซียน่า สหรัฐอเมริกา ใช้ศิลปะและดนตรีสอนคณิตศาสตร์และวิชาอื่นๆ ความก้าวหน้าของโรงเรียนจึงเริ่มปรากฏให้เห็น นักเรียนจำวิธีการคูณได้ดีกว่าเมื่อร้องเป็นเพลง การอภิปรายวิชาสังคมศึกษาในชั้นเรียนเกิดขึ้นผ่านการแข่งแร๊พ (Rap battle) ซึ่งทำให้นักเรียนต้องฟังมากขึ้นและคิดมากขึ้น ศิลปะคือกลยุทธ์ที่ช่วยให้เด็กมีส่วนร่วมและเข้าถึงบทเรียนได้ง่าย คณะกรรมการศิลปะและมนุษยชน จึงผลักดันหลักสูตรศิลปะในโรงเรียนประสิทธิภาพต่ำ โดยเริ่มดำเนินการครั้งแรกใน 8 โรงเรียน และเพิ่มขึ้นเป็น 68 โรงเรียนใน 15 รัฐภายในระยะเวลารวดเร็ว

https://www.theguardian.com/culture/2017/jan/24/cultural-call-to-arms-to-boost-arts-culture-learning-england

การรณรงค์ ‘call to arms’ เพื่อเพิ่มการเรียนรู้ศิลปะในประเทศอังกฤษ

“เด็กรุ่นใหม่จะมีสภาวะทางอารมณ์ที่ไม่พัฒนา สติปัญญาถดถอย และปล่อยตัวเองแยกจากสังคม หากขาดการเข้าถึงศิลปวัฒนธรรม” คำกล่าวข้างต้น คือคำรณรงค์เพื่อขอแรงสนับสนุนจากสังคมของกลุ่มรณรงค์เพื่อการเรียนรู้วัฒนธรรม ปัจจุบันระบบการเรียนการสอนในอังกฤษ ลดชั่วโมงศิลปะและจำนวนครูลง ทั้งๆ ที่ศิลปะช่วยเพิ่มความสามารถด้านการคิด สร้างความเข้าใจวัฒนธรรม ความเป็นพลเมือง และทำให้เด็กบรรลุศักยภาพที่แท้จริงของตนเองได้ โดยมีสถิติยืนยันว่านักเรียนจากครอบครัวรายได้ต่ำที่ร่วมกิจกรรมศิลปะในโรงเรียน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ มีแนวโน้มได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญามากขึ้น ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรณรงค์ให้ทุกคนร่วมกันปกป้องและเรียกร้องการขยายหลักสูตรศิลปะในโรงเรียน

https://mic.com/articles/134356/can-music-help-you-learn-the-brain-can-do-some-incredible-things-while-listening-to-music#.eo9Wqdgu5

ทารกเรียนรู้เร็วขึ้นเมื่อฟังเพลง

งานวิจัยจากสถาบันเพื่อการเรียนรู้และวิทยาศาสตร์สมอง (I-Labs) มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ทำการศึกษาวิจัยทารก 39 คน โดยให้ทารกใช้เวลา 12-15 นาทีต่อวัน เล่นกับพ่อแม่ของตนเองในห้องปฏิบัติการตลอดระยะเวลา 1 เดือน ทารก 20 คนจะอยู่ในห้องปฏิบัติการที่เปิดเพลง และทารกอีก 19 คน อยู่ในห้องปฏิบัติการที่ไม่เปิดเพลง ในทุกๆ 1 สัปดาห์ นักวิจัยจะทำการสแกนสมองของทารกเพื่อประเมินการตอบสนองของทารกทั้ง 2 กลุ่ม ผลการวิจัยพบว่า ทารกที่อยู่ในห้องปฏิบัติการที่เปิดเพลง มีสมองที่ตอบสนองต่อเสียงเพลงและการพูดคุยได้ดีกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าการฟังเพลงช่วยให้สมองของทารกค้นหาและคาดการณ์ล่วงหน้าได้ดีขึ้น เป็นกระบวนการสร้างทักษะการคิด ซึ่งสำคัญต่อการพัฒนากระบวนการพูดในระยะยาว ทำให้สรุปได้ว่าการฟังเพลงของทารกนั้น มีผลต่อการเรียนรู้ที่เร็วขึ้น