สุขภาวะทางจิตวิญญาณ (15)

สนับสนุนการมีสุขภาวะทางจิตวิญญาณได้ ปัจจัยดังกล่าวก็สามารถบั่นทอนหรือทำลายได้เช่นกัน เช่น ระบบผลิตบุคลากรทางการแพทย์

…ระบบเดี๋ยวนี้เนี่ยสิ่งที่เห็นต่างระหว่าง…. ต่อให้ผมเป็น นศ.แพทย์สมัยก่อน ผมจะเกกมะเหรกเกเร ไม่เรียนหนังสือยังไงเนี่ย แต่ความรับผิดชอบมี ผมท้าได้เลยเพื่อนผมทุกคนเนี่ยเมื่อขึ้นวอร์ดรับผิดชอบดูแล อ่านหนังสือ แต่เด็กเดี๋ยวนี้มันไม่ใช่น่ะ มันมีเทคโนโลยีซึ่งทำให้เด็กเนี่ยมันสนใจ แล้วก็ขาดการที่จะรู้ว่าการเรียนแพทย์คืออะไร หัวใจของการเรียนแพทย์อยู่ที่ไหน ซึ่งตรงนี้มันต้องการมากๆ เพราะว่ามีขนาดที่ว่า copy-paste รายงานคนไข้กันเลยนะฮะเดี๋ยวนี้…

(ลปรร.ภาคเหนือ)

…ฝากองค์กรแพทย์เถอะฝากหน่อย ก็เห็นแล้วก็คือว่า ทำยังไงนะมันถึงจะไปอยู่ในหลักสูตรแพทย์ได้ ทำอย่างไรถึงจะมีอย่างนี้ [มีความเป็นคน] ซัก 10% ไม่ได้ขอเยอะเลยนะขอ 10% ซึ่งปีนี้น่ะแพทย์ก็ลาออกไปเยอะแล้ว 500 คนแล้วยังไม่สิ้นปีเลย ซึ่งต่อไปน่ะจะมีแพทย์มาอยู่โรงพยาบาลชุมชนที่งานหนักๆ ไหม เราเจอมาที่เค้าอยู่แล้วเค้างานหนักนะคะ สิ้นเดือนมาบอกว่าเดือนนี้เค้าลาออก จับมือกันไปเลยค่ะ 2 คนเป็นแฟนกัน จะมีหมออยู่หรือไม่มีก็ช่าง ไม่ใช่เรื่องของเค้า แล้วแต่จังหวัดหรือผู้บริหารไปจัดการกันเองนะคะ…

(ลปรร.ภาคอีสาน)

หรือระบบงาน เช่น

…การเป็นลูกน้องที่ดีนะเป็นยากทุกคนเกิดมาพร้อมที่จะเป็นหัวหน้าเสมอ และโดยเฉพาะแพทย์เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำคน เพราะว่าระบบการเรียนสร้างมาเป็นผู้นำ คือสร้างมาสั่งคนได้ จริง ๆ เขาไม่ได้เลือกคุณเป็นผู้นำหรอก ไม่มีบุคลิกภาพคำว่าเป็นผู้นำ แต่โดยตำแหน่งเขาให้เครดิตคุณ เขาให้โอกาสคุณ กลายเป็นว่าพวกเราใช้โอกาสนี้ไม่เป็น ผู้ก็มาติดกับตักนัยที่สอนให้เป็นหัวหน้าคน พอเป็นลูกน้องคนมันเป็นยาก เป็นหัวหน้าคนเป็นร้อยคนเป็นได้ เป็นลูกน้องคน ๆ เดียวเป็นยากมาก…

(ลปรร.ภาคอีสาน)

หรือระบบสังคม เช่น วัตถุนิยม

…มันยังเห็นเจนตาอยู่ทุกวันน่ะค่ะ ก็คือความเป็น Humanize มันยังไม่เกิด มันยังไม่มี ก็พยายามเข้าใจยุคเข้าใจสมัยนะว่ามันเป็นยุควัตถุนิยม แล้วความ Humanize มันไม่เกิดในน้องๆ แพทย์ที่จบมา ระยะ5-6 ปีหลังเนี่ย ก็จะมองเค้าเป็น Humoney (หิวมันนี่)…

(ลปรร.ภาคอีสาน)

นอกจากปัจจัยแวดล้อม ยังมีปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ ที่ช่วยให้คนสามารถคงความมีความหมายไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัมพันธ์ภาพที่ดี เช่น ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน

…เพราะว่าการจะทํางานอะไรสักอย่างที่ใหมันประสบความสําเร็จ มันต้องทุ่มทั้งใจ ทุ่มทั้งแรงกาย บางครั้งมันถูก Reflect มาแรงๆ มันก็เหนื่อยอยู มันก็ท้อเหมือนกัน บางทีผมยังบ่นกับลูกเลย โฮ ป๊าทํางานเยอะ เหนื้อย เหนื่อย สิ่งที่ผมไดจากลูกสาวคือ เขาเขียนใสกระดาษ เขาไปฉีกกระดาษมาชิ้นนึง เขาเอาปากกาเขียน ป่าป๊าสูๆ แคเนี้ย ผมยังติดไว้ในห้องอยูเลย โอโฮ้น้ำตาผมเกือบไหลนะครับ 8 ขวบครับพี่ แตผมก็บอกว่า ไมเป็นไร ป๊ารู้ อยู่แล้ว…

(ลปรร.ภาคเหนือ)

…แล้วครอบครัวเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมาก ก็คือจะมาเสริมแรงบวกเราตลอดเวลา อย่างเวลาคนไข้เขาชมหรือเขามีท่าทีที่มีความสุข เราก็รู้สึกอิ่มเอิบ ส่วนทีมงานนี่ก็มีผลมาก ทำให้เราทำงานได้เต็มกำลังความสามารถมากขึ้น สุดท้ายคือครอบครัว ก็ยังยืนยันอยู่ว่าครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเราเนี่ยเข้าใจ อย่างตอนนั้นคนที่ผมรักที่สุดเนี่ยเข้าใจว่า เอ๊ะ ทำไมผมต้องดูแลแบบนี้ วันที่ผมดูแลน้องที่เป็นมะเร็งกระดูกแล้วก็กระจาย แล้วที่บ้านเหลื่อมเนี่ย พอดีคนที่ผมรักที่สุดคนหนึ่งเนี่ย เขาอยู่ในเหตุการณ์ แล้วเขาก็ได้เห็นเราทำงาน แล้วเขาก็เลยรู้สึกว่า เขาพูดอยู่คำนึงว่าเข้าใจแล้วและภูมิใจในตัวของเรามาก โอ้โห วันนั้นเป็นวันที่มีความสุขมาก วันนั้นน้ำตาออกเลย รู้สึกว่า เออ ครอบครัวก็มีผลที่ทำให้เราก้าวไปข้างหน้า…

(ลปรร.ภาคอีสาน)