จะต้องมานั่งรอแถวเพื่อที่จะมารับถาด แล้วพอรับถาดเสร็จแล้ว ถึงตัวเองจะได้ก่อนก็ต้องรอคนทั้งหมดให้พร้อมกัน คือให้รับครบทุกคนแล้วนั่ง ก่อนจะรับประทานก็ต้องปฏิญาณ คือก็ต้องอดทนค่ะ…พอหลังจากนั้น มีเวลาอีกนิดหน่อย ก่อนเข้าแถวหน้าเสาธง ก็คือเหมือนกับว่าตอนเช้าก็เคารพสถาบัน หลังจากนั้นเข้าหน่วยงาน ก็ต้องเป็นระเบียบวินัย ก็ต้องอดทนต่อการที่จะต้องทำงาน ต้องอยู่ในกฎระเบียบตรงนั้นอีก คือทั้งวันต้องใช้ความอดทนใช้ความพยายามที่จะข่มใจตัวเองว่าไม่ให้กระทบกระทั่งกับคนอื่น (ลปรร.ผู้ต้องขังหญิง ครั้งที่ 3)
ข้อความที่ยกมาดูจะเน้นเพียงว่าการอยู่ภายใต้กฎระเบียบทำให้ต้องพัฒนาความอดทน แต่อันที่จริงแล้วยังพบว่ามีคุณลักษณะอื่นๆ พัฒนาขึ้นมาเพื่อปรับตัวให้เข้ากับกฎระเบียบและข้อจำกัดอื่นๆ ได้แก่ การมุ่งเป้าหมาย แต่เป้าหมายในที่นี้มีลักษณะแคบ คือ เป็นเพียงการมุ่งหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกัน
บทบาทของกฎระเบียบและข้อจำกัดอื่นๆ ยังพิจารณาได้จากข้อความต่อไปนี้
…เราต้องเดินไปล็อคเกอร์อยู่แล้วก็เอาผ้าไปวางๆ ไว้ให้เค้า แล้วเอากระเป๋าเตรียมมาแต่งตัวข้างแท็งค์ ก็อาบน้ำ เตรียมตรงนี้ แบ่งเวลา เพราะว่าเราไม่ต้องเดินไปเอาผ้ามาอีก คือเราเอากระเป๋าของเรามาด้วยเลย เดี๋ยวพอเราตากผ้าเราต้องเดินไปเก็บล็อคเกอร์ มันเดินไปเดินมามันใช้เวลามากค่ะ บางวันถ้าไม่ทันวิ่งไปกินข้าวใต้ราว เรามีขนมมีอะไรก็กินก่อน เพื่อนขึ้นห้องเราก็เดี๋ยวๆ เต็มปากอยู่เลยค่ะ ตอนกลางคืนก็วันนี้อยากอ่านก็จะอ่าน แต่ไม่ใช่ทุกวัน ยิ่งใกล้สอบก็ต้องอ่าน บางทีทำงาน เหมือนว่าเวลาทำงาน ก็ขออ่านหน่อยหนังสือ แต่ข้างๆ หน่วยงานน่ะค่ะ ไม่ไปห้องสมุด เพราะว่ามันไกล อ่านตรงนี้เผื่อใครมีอะไรจะได้เรียกเราได้ค่ะ แต่เพื่อนๆ ก็ดีนะ พอเค้าเห็นเราอ่านหนังสือเค้าก็ไม่เรียก ก็อยู่ด้วยกันก็เห็นใจกันน่ะค่ะ ช่วงที่เก็บผ้าเอาอะไรมาเสร็จ หน่วยงานเลิกสามโมงครึ่ง เสื้อผ้าจะมารอเราอยู่แล้ว…(ลปรร.ผู้ต้องขังหญิง ครั้งที่ 2)
ข้อนี้แสดงว่าสถานการณ์แห่งข้อจำกัดทำให้ผู้ต้องขังต้องตระหนักถึงตนเองทั้งในแง่ของการกระทำและการวางแผน กฎระเบียบ รวมถึงข้อจำกัดด้านเวลาและสิ่งแวดล้อม ยังช่วยสร้างความรู้สึกด้านทิศทางอย่างไม่รู้ตัว ผู้ต้องขังต้องวางเป้าหมาย ไม่ว่าระยะสั้น (เช่น ทำตามกฎระเบียบ ไม่กระทบกระทั่งกับผู้อื่น) หรือระยะที่ยาวกว่า (เช่น การจัดสรรเวลา การอ่านหนังสือ) ด้วยสภาพที่ต้องอยู่ในที่ต้องขัง ความตระหนักถึงตนเองและการมีเป้าหมายทิศทางเพื่อดำรงตนในข้อจำกัดต่างๆ จึงได้รับการกระตุ้นทุกวัน การทำสิ่งที่ซ้ำซากจำเจและขาดอิสระที่มักกล่าวว่าเป็นปัจจัยในการลดทอนความเป็นปัจเจกบุคคล การเห็นคุณค่าในตัวตนและเป้าหมายในชีวิต จึงกลับกลายเป็นเครื่องมือสำหรับการฟื้นฟูความตระหนักในตนเองและความรู้สึกถึงทิศทางในชีวิตของผู้ต้องขัง