…จัดกิจกรรมทันตสุขภาพด้วยการใช้วิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ค่ะ เขาก็หัวเราะกันเฮเลย เอ๊ะ แปรงฟันไปเกี่ยวอะไรกับไสยศาสตร์ คือเราพยายามที่จะแก้ปัญหาเกี่ยวกับขนมกรุบกรอบ กับน้ำอัดลม ในโรงเรียนนี้แก้ได้ ทุกโรงเรียนแก้ได้ เชื่อเลยค่ะแก้ได้ แต่ข้างโรงเรียนนี้ท้าเลยใคร ใครว่าแน่ ใครก็อยากได้เงินนะคะ ร้านค้า เราก็มาหาจุดเลย นักเรียนกลัวใคร ครูไม่กลัว พ่อแม่ไม่กลัว ผอ. ไม่กลัว กลัวใคร กลัวพระพุทธรูป กลัวจริง ๆ พานักเรียนไปสาบานเลยค่ะ นักเรียนทุกคนพนมมือสาบานพูดตามข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคือประธานนะคะ ไม่ใช่คุณครู เด็กก็พูด กลัวจริง ๆ แก้ปัญหาได้เลยค่ะ อันนี้คือการนำกุศโลบายเพื่อจะช่วยนักเรียน ไม่ได้เพื่อจะแกล้งนักเรียนค่ะ เพื่อจะช่วยเขา เผาทำลายขนมกรุบกรอบเหมือนเผาทำลายยาเสพติดเลยค่ะ ทำจริง ๆ ทำให้ดู เหมือนเชือดไก่ให้ลิงดู ทำครั้งเดียวพอ เด็กที่ซื้อขนมกรุบกรอบมา เราค้นจากกระเป๋า เผาทำลายหน้าเสาธง เผาให้ดูเลย ถ้าใครนำแบบ ๆ นี้อีก เผาอีก ครั้งเดียวค่ะ เด็กก็ ก็กลัวแล้วค่ะ คือว่า เรา เราสุ่มค่ะ ไม่รู้ว่าเราจะค้นวันไหน เราจะเผาวันไหน เป็นสิ่งที่น่าอายมาก เป็นการประจาน เรียกว่าให้สังคมลงโทษต่อหน้าธารกำนัน นี่คือกุศโลบายที่เรานำมาใช้ค่ะ…
…เค้าอ่านหนังสือไม่ออกเลย ก็เลยพอดีเค้ามาสายก็บอก ผู้ปกครองช่วยหน่อยนะคะ เพราะตรงนี้อยากช่วยผู้ปกครองเพราะไม่มีเวลาจ้าง เอ้างี้ก็ให้มาแต่เช้าหน่อย ตอนแรกเค้าไม่อยากมา พอมาก็วางกระเป๋าวิ่งหนีเลยค่ะ ก็จะทำอย่างไรหนอกับเด็กคนนี้ ก็เลยใช้แม่มดในหนังสือเพื่อนรักจะมีแม่มด เอาแม่มดก็มีเสกมนต์อะไรบ้าง ก็เอามา พอจับอ่านหนังสือเสร็จ มา คุณครูเสกให้ ก็บอก โอม อีลุกกุ๊กกุ๋ย เก่งนะเพี้ยง ๆ เด็กเค้ามีความสุขมากเลย เค้าได้เป่าหัวเพี้ยง เพี้ยงเดียววันแรกค่ะ พอเค้าอ่านกำลังใจเค้ามาเค้ายิ้ม เค้าบอกวันนี้คุณครูเป่าหัวให้ ไปเล่าให้ผู้ปกครองฟังว่า วันนี้โดนคุณครูเป่าหัว เค้าเกิดความเชื่อมั่น เกิดความมั่นใจที่เค้าอ่าน วันหลังมาแต่เช้าเลย วันนี้หนูตื่นตี 5 หนูจะมาอ่านหนังสือกับคุณครู…
หากพิจารณาตามกรอบความหมายของ “อัตตาณัติ” ข้างต้น ข้อความที่ยกมานี้ชี้ให้เห็นอะไร “กุศโลบาย” ที่สร้างความกลัวและความอับอายถือว่าเป็นการส่งเสริมอัตตาณัติหรือไม่ การหลอกว่ามีแม่มดถือว่าส่งเสริมอัตตาณัติหรือไม่ เหตุผลสำคัญของคำถามนี้ก็คือดูเหมือนว่ากุศโลบายดังกล่าวมิได้ให้ความสำคัญว่าเด็กเข้าใจด้วยเหตุผลหรือไม่ว่าทำไมจึงควรแปรงฟันหรือไม่ควรบริโภคขนมกรุบกรอบ และเด็กตัดสินใจเลือกกระทำตามเหตุผลนั้นหรือไม่ แน่นอนว่าข้อมูลจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แสดงถึงวิธีการอื่นๆ ที่ดูจะส่งเสริมอัตตาณัติของเด็ก
…เราก็เป็นทีมบริการ คือ ผอ. ของนักเรียนด้วยให้ความสะดวกทุกอย่าง เด็กอยากได้กีฬา เราก็หากีฬาให้ อยากได้คอมพิวเตอร์ เราก็ให้ เราให้ทุกอย่างแต่มีกฎเกณฑ์ว่าถ้าทำอย่างงี้แล้วจะมีผลเสียอะไรมีผลดีอะไรก็ให้เลือกเด็กเลือกเอง มีอยู่ วันนึงเด็กของเราเมื่อเร็วๆ นี้เอง เด็กอนุบาล 2 ไม่ชอบอยู่ รร. อยากจะหนีตะพึด ครูก็พี่นุกุลก็ไปตามประจำเพราะถ้าหนีออกรร.อันตรายมากเลยเพราะช่วงเช้านี่ออกไปเลยครูยังไม่เจอเลยแอบข้างนอกเป็นอย่างนี้บ่อยมาก ครูก็ไม่รู้ทำไง เค้าติดยาย ยายเค้าพอมาทำบุญที่รร. ยายเค้าจะล้างชามให้รร. ประจำเพราะของผมไม่มีวัดก็เลยทำบุญที่ รร. เค้าก็ใช้กระบวนการคืออยากกลับบ้านพอล้างจานก็โดดลงน้ำตูมเลยเพื่อให้เสื้อผ้าเปียกจะได้กลับบ้าน ยายโทรศัพท์ไปหาพ่อ พ่อก็มาจัดการจะตีเลยนะ ผมเห็นท่าไม่ดีผมก็เลยเข้าไปคุย เข้าไปชวนคุย งั้นงี้เป็นไงลูก เค้าบอกว่าเค้าไม่อยากอยู่กับใคร อยากอยู่กับ ผอ. ก็แล้ว ผมก็ได้ลูกมาเรียนกับผอ. นี่ผมก็ไม่รู้จะให้ทำอะไร ผมก็เอาไม้กวาดให้อันหนึ่ง ผ้าผืนหนึ่ง แล้วก็บอกทำอะไรก็ได้ เค้าก็เอาไม้กวาดกวาดห้องผอ. แล้วก็เอาผ้าถูเสร็จเรียบร้อย เค้าบอกว่าวันนี้อยากขอนอนห้องนี้ ผมก็ให้นอนแต่มีข้อแม้ว่าพรุ่งนี้ต้องกลับห้องเธอ เพราเพื่อนอยู่ที่ห้องลูกจะได้เรียนอะไรมากมาย เค้าก็ตกลง พอตอนเช้ามาเค้าก็กลับห้องปกติแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แล้วทุกวันนี้ก็อยู่เรียนปกติ จนครูสงสัยว่าผอ.ใช้กระบวนการอะไร ไปดุเค้าหรืออะไร ผมไม่ได้ดุอะไรหรอก ให้ตามใจเค้า ก็มีข้อแม้อยู่นิดนึงว่าถ้าทำที่ให้แล้วเธอต้องให้ครูบ้าง ก็เหมือนกันของครูเราก็ใช้กระบวนการนี้…