9 ยังเล่นกันเป็นอยู่มั้ยเอ่ย?

แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนให้ได้เท่าที่มันให้ได้ นั่นคือข้อมูลดิจิตอลที่ถูกกลั่นกรองมาแล้วไม่ว่าจะเป็นเกมหรือสารคดีอะไรก็ตาม ต่อให้เป็นเกมที่อ้างว่ามีประโยชน์ผมก็จะเถียงว่าการเล่นในสนามมีประโยชน์มากกว่า ต่อให้เป็นสารคดีชนะเลิศรางวัลระดับโลกดีเลิศเพียงใดผมก็จะเถียงว่าพ่อแม่นั่งคุยกับลูกมีประโยชน์มากกว่า

เช้านี้ ผมมีเวลาเหลือ 20 นาทีจึงขับรถไปหาหลาน มิใช่หลานปู่หรือหลานตา เป็นลูกสาวของลูกสาวของพี่ชายของภรรยา

“ตาหมอมาเยี้ยว” เป็นคำแรกที่หลานสาววัยสามขวบตะโกนทันทีที่เห็นผม เธอยิ้มแป้นทุกครั้งที่ผมไปหา คงเป็นเพราะผมจะเล่นกับเธอได้ทุกที่และตลอดเวลา

“มาเยี้ยวๆ เล่นอะรัยดีๆ” ผมให้ท้ายว่ามาเล่นกันเถอะ การเล่นคือการเรียนรู้ เด็กที่ไม่ได้เล่นเป็นเด็กที่น่าสงสารมาก

“ขี่รถ”

“ไปเลย”

ว่าแล้วเธอก็ขึ้นรถแล้วขี่ร้องเพลงไปเรื่อยๆ สักพักผมก็เริ่มชวนเล่น “ตาหมอจะก้าวยาวๆนะ” แล้วผมก็ก้าวยาวๆนำหน้าเธอไป เธอก็เร่งฝีเท้าปั่นรถตามมา ผมแกล้งช้าลงบ้างเร็วขึ้นบ้างแต่ก้าวขายาวๆเป็นพิเศษให้เธอรู้ว่าตาหมอไม่ได้เดินธรรมดาแต่กำลังเล่น เธอก็ยิ่งปั่นสุดชีวิตหัวเราะไปทั้งทางทั้งขาไปขากลับ

จากนั้นก็จอดรถพากันเดินเข้าบ้าน

“เล่นบินไปญี่ปุ่นมั้ย” ผมชวน

เธอพยักหน้า ผมช้อนเธอได้ก็ออกเดิน “กางแขนเป็นปีกเครื่องบิน” จากนั้นทำเสียงวื่อๆๆๆๆเป็นเสียงเครื่องบินวนไปเวียนมาในบ้าน “เจอพายุมั้ย” เธอหัวเราะพยักหน้า ผมจึงเขย่าเธอแรงๆและโยนไปมาต่างพายุให้หัวเราะ “โอ๊ะ น้ำมันหมด” ผมทำท่าตกใจ “โอ๊ะ” เธอทำหน้าตกใจด้วย ผมจึงหิ้วเธอร่อนลงพร้อมทั้งพากย์ไปด้วย “จะตกน้ำแล้วๆ ปลาฉลามๆ” จากนั้นช้อนเธอขึ้นไปจอดลงบนบันไดขั้นหนึ่ง “ถึงญี่ปุ่นแล้ว” “ไชโย” เธอหัวเราะ “ฉลามมา” ผมว่า “ฉลามๆ กัวๆ” เธอว่า แล้วหดขาขึ้นจากพื้นประหนึ่งฉลามมาแล้วจริงๆ

จากนั้นผมหยิบกระดาษขาวเอสี่มา 2 แผ่น

“มาเล่นกินข้าวมั้ย”

“กินข้าวๆ” เธอพยักหน้า

ผมวางกระดาษข้างหน้าผม 1 แผ่นสมมติว่าเป็นจาน วางกระดาษไว้ตรงหน้าเธอ 1 แผ่นสมมติว่าเป็นจาน “เอาละ ตักข้าวนะ เอากี่ช้อน” “สามช้อน” ผมจึงตักข้าวจากหม้อข้าวล่องหนข้างๆเราสองคนพร้อมทั้งทำเสียงไปด้วย “ซวบ หนึ่งช้อน” “ซวบ สองช้อน” “ซวบ สามช้อน” ใส่จานข้าวของเธอ แล้วทำแบบเดียวกันกับของผม

“ผัดผักมั้ย”

“ปัดปักปัดปัก”

ผมก็เอาน้ำมันใส่กะทะล่องหน “เปิดแก๊ส” เธอทำท่าเปิดแก๊ส “ใส่น้ำมัน” เธอทำท่าใส่น้ำมัน “ใส่หมู” เธอทำท่าใส่หมู “ใส่ผัก” เธอทำท่าใส่ผัก จากนั้น “มา ช่วยกันผัด” ถึงตอนนี้เธอนำหน้าไปเลย ทำเสียงซู่ซ่าๆๆๆดังๆ ทำท่าผัดผักแล้วก็พูดเองว่า “ใส่พริก” ผมก็ใส่พริก “ใส่พริกไทย” ผมก็ใส่พริกไทย จากนั้นเธอพูดเองว่า “จิม จิม” ว่าแล้วตักจากกะทะล่องหนนั้นขึ้นมาให้ผมชิม

ชิมเสร็จเราก็ช่วยกันหาช้อนสมมติ ซ่อมสมมติ มาทำท่ากินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมทั้งส่งเสียงซู้ดซ้าดๆแข่งกัน

“เล่นทิ้งระเบิดมั้ย” ผมชวน เธอพยักหน้า หน้าตาสนุกมาก ยังไม่ทันเล่นเลย

ผมหยิบกระดาษเอสี่สองแผ่นนั้นมาขยำเป็นลูกระเบิดแล้วสมมติตัวเองเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดวิ่งขึ้นจากลานบินส่งเสียงว่อๆๆ แล้วร่อนลงทิ้งระเบิดกระดาษลงหัวเธอ เธอหัวเราะตาปิด “เอาอีกๆ” ผมบินวนมาทิ้งระเบิดลูกที่สองใส่หัวเธอ “เอาอีกๆ” ผมหยิบกระดาษมาบินวนทิ้งใส่เธอไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งจนกระทั่งเธอเป็นฝ่ายลุกขึ้นพูดเองว่า “ตาหมอนั่ง ใบบัวจะทิ้งระเบิด”

จากนั้นเครื่องบินทิ้งระเบิดใบบัวก็บินว่อนไปมาขว้างระเบิดใส่ผม ผมพากย์เสียงระเบิดตูมตามๆอย่างเต็มที่ หมดเวลายี่สิบนาที

“ไปละน้า ตาหมอจาไปทำงานเยี้ยว”

“ชนแก้วก่อน” เธอว่า

เธอแกะนมรินใส่ถ้วยเอง หกบ้างลงบ้าง ผมชงกาแฟมาก่อนแล้ว

“มา ชนแก้ว” เราชนแก้วกัน “ติ๊งอิ๊งๆๆๆๆ” ผมทำเสียงลงลูกคอและโยกทั้งตัว เธอหัวเราะตาปิด “เอาอีกๆ”

หลังจากติ๊งอิ๊งๆๆๆสามครั้ง ผมก็ขับรถจากมา

เล่ามาละเอียดเพื่อบอกว่ายี่สิบนาทีนั้นเธอได้พัฒนาความสามารถทางภาษาไปอีกสองก้าวเพราะระหว่างเล่นเราต้องพูดกันตลอดเวลา ผมใช้คำศัพท์ใหม่ๆกับเธอโดยตัวเองไม่รู้ตัวหลายครั้ง กว่าจะหมดยี่สิบนาทีเธอได้คำศัพท์ไปอีกหลายคำบรรจุในสมองของเธอ

ดีกว่านั้นคือเธอได้เรียนรู้คำไหนใช้กับอารมณ์แบบไหน เรื่องนี้สำคัญมาก การปฏิสัมพันธ์กับเครื่องมือไอที เด็กไม่รู้ว่าเครื่องมีอารมณ์อะไรตอบมาแต่การปฏิสัมพันธ์กับตาหมอนั้นต่างกัน ตาหมอมีอารมณ์ต่างๆให้เธอเรียนรู้เสมอ

ดียิ่งกว่าอีกเธอได้พัฒนากล้ามเนื้อเล็กของนิ้วมือทั้งสิบนิ้วอย่างครบถ้วนทุกนิ้ว มิใช่ใช้เพียงหนึ่งนิ้วกดเมาส์หรือสองนิ้วกดแป้นพิมพ์ การพัฒนากล้ามเนื้อนิ้วมือมัดเล็กทั้งสิบนิ้วซึ่งประกอบด้วยกล้ามเนื้อชิ้นเล็กสองร้อยมัดจะส่งสัญญาณประสาทไปกระแทกและกระตุ้นสมองของเธออีกสองร้อยจุดให้พัฒนาตามไปด้วย

ทั้งหมดนี้แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน เกมและสารคดีให้ไม่ได้ครับ