สุขภาวะทางจิตวิญญาณ (16)

สนับสนุนสุขภาวะทางจิตวิญญาณในฐานะความตระหนักในความมีความหมาย ภาวะทางสังคมน่าจะมีลักษณะร่วมกับภาวะทางจิตวิญญาณตรงที่ดูจะเกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างความคิดและความรู้สึก ในกรณีของจิตวิญญาณนั้น ภาวะความตระหนักในความมีความหมายที่เกิดมีผลต่อภาวะทางความคิดและความรู้สึก ในกรณีของภาวะทางสังคมนั้น พบว่าภาวะที่เกิดก็มีผลต่อภาวะทางความคิดและความรู้สึกต่อไปเช่นกัน ข้อความต่อไปคือตัวอย่างหนึ่งที่สามารถแสดงบทบาทของสัมพันธภาพทางสังคมที่มีต่อบุคคล

…คนๆ นี้เป็นคนทำงานเก่ง แต่มีปัญหาเรื่องสัมพันธภาพกับคนอื่น เค้าดีขึ้นเรื่อยๆ นะคะ กับคนที่อยู่รอบข้างที่เคยมีเรื่องกันน่ะ ถามว่าเค้ากระทบกระทั่งกับใครบ้าง เค้ากระทบกันครึ่งต่อครึ่งอ่ะนะคะ หน่วยงานเนี่ย แล้วคนที่จดจำเรื่องราวที่ไม่ดี ก็จะมีปฏิกิริยาต่อเค้า ดังนั้นเวลาเราให้ข้อมูลย้อนกลับ เราไม่ได้ให้ข้อมูลแต่กับคนๆ นี้ แต่ให้ข้อมูล…คนอื่นๆ ด้วยว่าเวลาสามีภรรยา สมมติว่าสามีภรรยาทะเลาะกันน่ะ มันไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก มันก็ต้องมีว่าคุณผิด 3% คุณผิด 97% ดังนั้นท่าที สีหน้า ท่าทาง หรือการจดจำความผิดในอดีต สิ่งเหล่านั้นน่ะคือสิ่งที่ยั่วยุให้เกิดปฏิกิริยาที่มันซ้ำแล้วซ้ำอีก ดังนั้น ทุกคนก็จะมีส่วนในการถูกให้ข้อมูลย้อนกลับเช่นเดียวกัน เวลาผ่านมาสองปี ณ ปัจจุบันนี้เนี่ย เค้ากลายเป็นคนที่มีคุณค่าขององค์กร…

(ลปรร.ภาคเหนือ)

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่าสมรรถนะทางสังคมนี้มิได้จำกัดอยู่กับเรื่องความมีความหมายเท่านั้น แต่ในกรณีที่เกิดการเชื่อมโยงกันในกลุ่มบุคคล ก็ดูเหมือนจะช่วยนำสู่จิตวิญญาณในฐานะสมรรถนะพิเศษบางอย่างด้วย

…ว่ามันเหมือนเป็นพลังเชื่อมโยงรึเปล่า เวลาใจเรานิ่งอ่ะ เราจะรู้สึกว่าพลังมันจะเกี่ยวกันไปเรื่อยๆ ตรงห้องเนี้ยมันจะมีพลัง เหมือนมีอยู่จุดนึงที่มันเป็นพลังที่มารวมกัน ที่ฮวงรู้สึกนะคะ แล้วพลังเนี้ยอย่างที่เมื่อกี๊พี่หญิงบอก มันเป็นจิตสาธารณะ มันเป็นพลังของจิตใจบริสุทธิ์น่ะค่ะ แล้วถึงแม้ว่าใจเราเนี่ยอาจจะมีสิ่งเจือปนที่มันไม่บริสุทธิ์น่ะ แต่พลังตรงเนี้ย มันดึงให้เราบริสุทธิ์ขึ้นได้น่ะค่ะ มันจะค่อยๆ ดึงจิตเราขึ้น ยกขึ้น สูงขึ้น แล้วก็เบาขึ้นน่ะค่ะ (ถาม)…สรุปว่าทุกคนหัวใจเหมือนจะเปิดประตูน่ะ แล้วให้มันเชื่อม มีอะไรเชื่อมต่อกันน่ะ มันเหมือนจะเชื่อมต่อไปใจของทุกคน…เหมือนใจร้อยใจจากหลายๆ ดวงมาเริ่มเป็นดวงเดียวกันเลยนะ…(ตอบ) มันเป็นพลังค่ะ มันเป็นพลังที่มัน มันฟูอยู่ในใจนะคะคือมันเบา แล้วพอใจมันเบามันเป็นพลัง พอมันเป็นพลังแล้วรู้สึกว่าคงจะกลับไปทำอะไรได้มากกว่านี้น่ะค่ะ ที่เราจะทำดีต่อไปเรื่อยๆ…

(ลปรร.ภาคอีสาน)

มีข้อสังเกตอีกประการว่าในตอนต้นได้กล่าวว่าภาวะทางสังคมนั้นอาจอธิบายโดยทอนลงเป็นสมรรถนะและภาวะทางจิตทั้งสองด้าน อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่แสดงว่าน่าจะมีเรื่องทางกายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นั่นคือ

…ก็จากการที่ได้ทำมานะคะ ตั้งแต่เริ่ม หลังจากที่ตัวเองรู้สึกเปลี่ยนแปลงตัวเองไปแล้วก็ เออ ได้ให้คำปรึกษาคนอื่นไปก็คิดว่า ไม่ใช่คิดหน่ะนะ จาก evidence base ของตัวเอง ก็พบว่าการพัฒนาจิตในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ เป็นพี่เป็นน้อง จับมือถือแขนกันแบบนี้มันจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นมากกว่าการจัดอบรมเป็นทางการ การทำอะไรให้เป็นแบบทางการ มันไม่ใช่นะกิ๊บ สำหรับตัวเองนะคะ สำหรับกิ๊บแล้ว กิ๊บคิดว่าไม่เป็นทางการเนี่ย work ค่ะ work มากนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเพื่อนสนิท น้องๆที่สนิทจะเห็นชัดมาก ก็จะกลายเป็นคนที่แบบรู้ใจ มองตากันแล้วรู้ใจ เข้าใจความรู้สึกกันนะคะซึ่งน้องบางคนไม่ได้เป็นน้องพยาบาลด้วยนะคะ…

(ลปรร.ภาคใต้)

เป็นไปได้ว่าเหตุผลก็คือการสัมผัสทางกายมีผลต่อความรู้สึก ซึ่งส่งผลต่อความคิดอีกทอดหนึ่ง สุขภาวะทางสังคมจึงน่าจะเกิดจากการทำงานประสานกันระหว่างความคิด ความรู้สึก และกายสัมผัส